Questions & Answers
Q1. ถ้าต้องการมีผลิตภัณฑ์ / แบรนด์เป็นของตัวเอง ต้องทำยังไงบ้าง
- คู่ค้า (Partner) ต้องศึกษารายละเอียดเบื้องต้นก่อนดังนี้
- อยากมีผลิตภัณฑ์อะไร เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, วิตามิน, สมุนไพร, หรือ เครื่องสำอาง
- ต้องดูว่าคู่ค้ามีฐานคู่ค้า (Partner) เดิมในกลุ่มไหนหรือคิดว่าสามารถทำตลาดในกลุ่มไหนได้บ้าง
- คิดว่าในกลุ่มลูกค้าที่จะทำตลาดมีความต้องการอะไรหรือเราจะแก้ปัญหาให้คู่ค้า (Partner) อย่างไร
- หากคุณมีคำตอบเหล่านี้ มาหาเราได้เลย คุณพร้อมสำหรับการมีธุรกิจของตัวเองแล้ว
Q2. มีค่าใช้ดำเนินการในการใช้บริการ OEM/ODM ประมาณเท่าไร
- คู่ค้า (Partner) สามารถเลือกใช้บริการต่างๆ ได้ ในแต่ละขั้นตอนมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นโดยประมาณ ดังนี้
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม | |
วิจัยและพัฒนาสูตร | ราคาเริ่มต้น 20,000 บาท/สูตร |
จดทะเบียน อย. | ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท/สูตร |
การผลิต | ราคาเริ่มต้น ดูจากจำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ Q3 |
บรรจุตัวยา/Repack | ราคาเริ่มต้น 5-10 บาท/ชุด |
ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง | |
วิจัยและพัฒนาสูตร | ราคาเริ่มต้น 5,000 บาท/สูตร |
จดทะเบียน อย. | ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท/สูตร |
การผลิต | ราคาเริ่มต้น ดูจากจำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ Q3 |
บรรจุตัวยา/Repack | ราคาเริ่มต้น 5-10 บาท/ชุด |
Q3. จำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ แต่ละชนิด
- เราพร้อมสนับสนุนคู่ค้า (Partner) ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ เราจึงบริการรับสั่งผลิตขั้นต่ำกว่าโรงงานอื่นๆ ทั้งในด้านราคาและจำนวนผลิตดังนี้
เม็ด (Tablet) | MOQ: 10 ,000 เม็ด |
แคปซูล (Capsule) | MOQ: 10 ,000 เม็ด |
ครีม (Cream) | MOQ: 1-3 Kg |
ผงชงดื่ม (Powder) | MOQ: 5,000 ซอง |
Q4. อยากทราบว่าในการผลิตสินค้า 1 ตัว มีขั้นตอนอะไรบ้าง และใช้ระยะเวลาแต่ละขั้นตอนประมาณเท่าไร
ขั้นตอน | รายละเอียด | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
1. จัดทำใบเสนอราคา | คู่ค้า (Partner) แจ้งรายละเอียด เบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจ้างผลิต เช่น สูตร รูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำนวน จากนั้นทางเราจัดทำใบเสนอราคาให้ | ภายใน 3-7 วัน | คู่ค้า (Partner) เซ็นอนุมัติจึงจะเริ่มดำเนินงานขั้นต่อไป |
2. วิจัยและพัฒนาสูตร | แบ่งออกเป็น 2 กรณี
2.1 สินค้าสูตรมาตรฐาน คือ สูตรที่ทางเรามีอยู่แล้ว (สามารถเติมแต่งหรือปรับเปลี่ยนปริมาณวัตถุดิบได้เล็กน้อยตามความต้องการของ คู่ค้า (Partner) 2.2 สินค้าสูตรใหม่/พิเศษ คือ สูตรที่ต้องคิดค้นพัฒนาใหม่หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตามความต้องการของคู่ค้า (Partner) |
ขั้นต่ำ 30-45 วัน ขั้นต่ำ 45-60 วัน | หากคู่ค้า (Partner) มีสูตรมาเอง ทางเราต้องตรวจสอบเอกสารรับรองของวัตถุดิบทุกตัวก่อนผลิตจริง ดังนั้นระยะเวลาขึ้นอยู่กับความเรียบร้อยของเอกสารประกอบด้วย |
3. จดทะเบียน | แบ่งออกเป็น 2 กรณี
3.1 จดทะเบียนอาหารเสริม 3.2 จดทะเบียนเครื่องสำอาง |
ขั้นต่ำ 1-3เดือน ขั้นต่ำ 15-30 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคิวและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ |
ระยะเวลา | หมายเหตุ | ||
4. การออกแบบ | แบ่งเป็น 3 กรณี
4.1 ออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช่น รูปแบบกล่อง ลักษณะฉลาก 4.2 ออกแบบแบรนด์ ในกรณีมีผลิตภัณฑ์หลายตัว เป็นการออกแบบภาพลักษณ์โดยรวมให้สอดคล้องกัน 4.3 ออกแบบอื่นๆ เช่น โบรชัวร์ โปสเตอร์ นามบัตร |
ขั้นต่ำ 3-7 วัน ขั้นต่ำ 15-30 วัน ขั้นต่ำ 3-7 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติแบบของคู่ค้า (Partner) |
5. การผลิตและบรรจุ | สามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันทีเมื่อได้รับทะเบียนผลิตภัณฑ์เรียบร้อย โดยดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมวัตถุดิบจนสินค้าพร้อมจำหน่าย | ขั้นต่ำ 14 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับจำนวนและความพร้อมของบรรจุภัณฑ์ |
6. จัดส่ง | เราบริการจัดส่งด้วยรถขนส่งของบริษัทเฉพาะในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับต่างจังหวัดจะเป็นบริการของบริษัทขนส่งเอกชนที่ได้มาตรฐาน | 1-2 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอ้างอิงในเขตกรุงเทพและปริมณฑล |
รวมระยะเวลากระบวนการผลิตสินค้า1ตัว โดยประมาณ | 2-3 เดือน | ระยะเวลาเป็นการเฉลี่ยโดยรวม ไม่ได้แยกประเภทของผลิตภัณฑ์ |
Q5. กรณีคู่ค้า (Partner) มีวัตถุดิบหรือสารสกัดเองอยู่แล้ว แต่ต้องการให้เราผลิตให้ สามารถทำได้มั้ย
- ในกรณีนี้แม้ว่าคู่ค้า (Partner) จะมีเอกสาร COA, Specification, หรือเอกสารรับรองต่างๆ ทางเราต้องขอรบกวนคู่ค้า (Partner) ให้ทางผู้ขายวัตถุดิบหรือสารสกัดเหล่านั้นติดต่อกับเราอีกครั้ง เพื่อเราสามารถประสานงานเรื่องคุณภาพและคุณสมบัติอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนรับผลิต ทั้งนี้หากคู่ค้า (Partner) ไม่มีเอกสารรับรอง ทางเราจะไม่รับตัววัตถุดิบหรือสารสกัดนั้นๆมาผลิต แต่หากคู่ค้า (Partner) ยืนยันต้องการผลิต เราจะนำวัตถุดิบของเรามาใช้ผลิตแทน
Q6. เงื่อนไขการชำระเงินเป็นอย่างไร
- แบ่งชำระเป็น 2 งวด คือ งวดที่ 1 มัดจำ 50% พร้อมใบสั่งซื้อ/สัญญาจ้าง งวดที่ 2 ชำระเงิน 50% ณ วันส่งสินค้า
Q7. บริการทางด้านงานออกแบบ มีอะไรบ้าง
- ทางเรามีทีมงานออกแบบโดยเฉพาะทั้ง Graphic Designer และ Packaging Designer ซึ่งสามารถให้บริการออกแบบตั้งแต่ ตัววัสดุและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ฉลากสินค้า โลโก้/ตราสินค้า/แบรนด์ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น โบรชัวร์ โปสเตอร์ นามบัตร X-stand Roll-up ป้ายไวนิล เป็นต้น โดยเราจะทำปรู้ฟ (Proof) และแบบจำลอง (Mock up) ให้ทางคู่ค้า (Partner) ก่อนการผลิตจริงทุกครั้ง ทั้งนี้คู่ค้า (Partner) สามารถเลือกขอ Artwork จากเราไปสั่งพิมพ์เองหรือจะใช้บริการพิมพ์จากเราโดยตรงเลยก็ได้
Q8. ทางโรงงานสามารถทำสัญญาการผลิตแบบ Exclusive (ผลิตเพียงเจ้าเดียว) หรือภายใต้ใบอนุญาติ (Under License) ของผลิตภัณฑ์ที่คู่ค้า (Partner) ผลิตได้มั้ย เพราะเคยจ้างโรงงานหนึ่งผลิต แต่สุดท้ายโรงงานนั้นมีผลิตภัณฑ์คล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่เราจ้างเพียงแต่มีการปรับสูตรต่างกันเล็กน้อย
- ทางเรายินดีทำสัญญาร่วมกับคู่ค้า (Partner) โดยสามารถ….
- ทำสัญญาความลับทางเกี่ยวกับการให้บริการทั้งหมด Confidential Agreement หรือ Non-Disclosure Agreement (NDA)
- ทำสัญญาความลับทางการค้า Trade Secret Agreement
- ทำสัญญาสูตรพิเศษเพียงหนึ่งเดียว Exclusive Agreement
Q9. อยากทราบว่า OEM ODM และ OBM คืออะไร แล้วแตกต่างกันอย่างไร
- OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacturer หมายถึงการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามแบบที่คู่ค้า (Partner) กำหนด โดยใช้การผลิตของเรารวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วย มักจะเป็นโรงงานเปิดใหม่ ๆ หรือโรงงานที่ไม่เน้นการสร้างแบรนด์ของตนเอง และโรงงานที่ไม่มีความชำนาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์
- ODM ย่อมาจาก Original Design Manufacturer หมายถึงการผลิตของโรงงานที่มีรูปแบบการพัฒนาดีไซน์ รูปแบบสินค้าได้เอง และเอาสินค้าเหล่านั้นไปเสนอขายให้คู่ค้า (Partner) อีกทีหนึ่ง มักจะเป็นโรงงานที่พัฒนามาจาก OEM ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ด้วยดีไซน์ ซึ่งดีไซน์เหล่านี้จะเป็น Exclusive หรือ Non-Exclusive ก็ได้
- OBM ย่อมาจากคำว่า Original Brand Manufacturer หมายถึงการผลิตที่มีการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เป็นโรงงานที่พัฒนาได้เต็มที่แล้ว ถ้าจะซื้อสินค้า ก็ต้องซื้อภายใต้แบรนด์ของโรงงานเท่านั้น